วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บิกแบง พิสูจน์ได้โดยบังเอิญ

บิกแบง พิสูจน์ได้โดยบังเอิญ

บิกแบง
บิกแบง

 นักดาราศาสตร์ เคย คิดว่า สัญญาณรบกวนพน หลังคือ ความมิด พลาดของ กล้อง โทรทรรศน์วิทยุแด่ กลายเป็น ว่าพวกพาบังเอิญค้นพบของพิสูจน์สุด ทายของการกําเนิด เอกภพ หลังจากการค้นพบปริศนา ของเอกภพอีกหลายข้อในการใช้อธิบาย ได้ ด้วยทฤษฏี บิกกแบง

เอกภพในฺหนึ่งจุด

ทฤษฎี บิก แบง บอกว่า เอกภพทั้งหมดรวม กันอยู่ในสิ่งเรียก ภาวะเอกฐาน(singularity) ซึ่ง ทฤษฎีฟิสิกส์ได้อธิบายใด้ เวลา และ อวกาศ ใม่มีตัวตนนักวิทยา ศาสตร์จึงบอกได้ ว่าอะไรอยู่ก่อนภาวะเอกฐาน

เมื่อ 50 ปี ก่อน นัก ดาราศาสตร์ สอง คนบังเอิญ ค้นพบปรากฏการณ์ ซึ่งกลาย เป็นแก่นสําคัญ ของทฤษฎี กําเนิด เอกภพที่นักจักรวาลวิทยาส่วน ใหญ่เห็น ว่าเป็นไปได้มากที่สุดคือ ทฤษฎีบิกแบงนั่น เอง อารโน เพ นเซียล กับ โร ฒิร์ต วูดโรว์วิล ลัน เพิ่ง ลร้างสายอากาศ รูป ปากแตร (horn antenna)เพี่อ ใช้ ใน การ ทดลองการลื่อลารผ่านดาว เทียม ณ ห้องปฏิบัติ การ เบล ล์ ในรัฐนิวเจอร์ชีย์ สหรัฐอเมริกา แต่ พวก เขาก็ ต้องรําคาญ ใจกับ คลื่นรบกวน ที่แทรกอยู่เป็น พื้นหลัง ไม่ว่า ลายอากา ศ จะ หันหน้า ไป ทางทิศ ไหน ทั้งลองจึงกลับไป ตรวจ แบบสายอากาศ ว่า อะไร คือสาเหตของ ความ ผิ ดพ ลา ด ปรากฏว่ามีนกพิราบ ฝูง หนึ่งไปทํา รังอยู่บนสายอากาศ แต่แม้ พวก เขา จะ ไล่นก และทํา ความสะอาด เรียบร้อย สัญญาณรบกวน พื้นหลังปริศนากลับไม่หายไปในช่วง เคืยวกัน คณะนัก วิทยา ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย พ' รินซ์ ตัน สหรัฐอเมริกา ก็ กําลังสร้างสายอากาศ คล้ายกับของเพนเชียส และ วิล ลันพวก เขา เห็น ว่าถ้าเหตุ การณ์บิก แบง เกิ ด ขึ้นจริงมันก็ ต้องทิ้งร่อง รอย ไว้ ใน เอกภพ ในรูป ของรังสีที่แผ่ ออก เมื่อ ไม่ นานหลัง เหตุการณ์ บิกแบง ซึ่งยัง คง ตรวจจับไต้ ในปัจจุบัน ผู้สนับสนุนทฤษฎีบิกแ บง ต้องการ สิ่งที่ วัดได้ และเป็น ผล โดย ตรงจากปีกนบง เพี่อ นัก ดารา ศาสตร์ จะไต้ ใช้ ลื่งนี้พิสูจน์ ว่าทฤษฎี ของพวก เขาถูก ต้อง เพ น เชียส และ วิล ลัน ไต้ข่าว ความพยายามในการค้นหา รังสี จึงแจ้ง แก่ ค ณะนัก วิทยา ศาสตร์ พ รินซ์ตัน เรื่อง "สัญญาณ ผิดพลาด" ที่ พวก เขา ตรวจจับไต้ ข้อสรุปหลังการ ประชุมร่วมของทั้งสอง ผ่าย คือ เพนเชียสนละวิล ลัน ตรวจพบ

สิ่งที่ปัจจุบัน เรียก ว่า รังสี พื้นหลัง ใน เอกภพ(cosmic background radiation) แล้วทฤษฏี บกแบ งฬง ดูบ้าคลั๋งทุกวันนี้ ทฤษฎี บิกแบง รวมทั้ง ความ คิด ที่ ว่า เมื่อ14,000 ล้านปี ก่อน เอกภพทั้งหมด กระจุกรวมกันอยู่ในจุด เดียว ที่จู่ๆ ก็ ขยาย ตัว เป็นสิ่งที่ยอมรับกัน โดยทั่วไป แต่ สมัยที่ความ คิด เหล่านี้ถูกนํา เสนอเป็น ครั้ง แรก คนจํานวน มาก คิดว่ามัน เป็น ทฤษฎี ที่เหลว ไหล โดย ลิ้น เชิง เพราะส่วน ใหญ่ โต มากับ ความ คิดว่า เอกภพ ไม่ลิ้นสุดไม่เปลี่ยน แปลง จน เอกภพที่มี จุด เริ่ม กลาย เป็นสิ่งที่ยากเกิน จินตนาการ
เลอแม็ทร์ เมื่อ ปี1948 เขา เสนอแบบจเอกภพ ที่ลร้างสะสาร ใหม่ ขณะ ดาราจักร เคลื่อนห่างจากกัน ทํา ให้ ความหนา แน่นเฉลี่ยของเอกภพ มี ค่าคงที่อยู่เสมอ เอกภพ จึง คงสภาพแม้ เมื่อมันกําลัง ขยาย ตัว ทฤษฎี นี้ จึงถูกเรืยก กว่า"ทฤษฎี เอกภพ คง ตัว" ในรายการ วิทยุ ที่ออก-อากา ศ เมื่อ ปี1949 เฟรด ฮอยล์พูดถึงทฤษฎีของ เลอ แม็ทร์อ ย่างเหยียดหยามว่า "ความ คิดเรื่องการระเบิด ครั้ง ใหญ่ (big bang)
เอา เข้า จริง ทฤษฎี ทาง วิทยาศาลตร์ที่ ว่าเอกภพ ไม่คงที่มี มา ตั้งแต่ต้น ศตวรรษ ที่ 20 แล้วเมื่อ ปี 1916 ไอน์สไตน์ ตี พิมพ์ ทฤษฎี ลัมพั ทรภาพทั่ว ไปของ เขา ซึ่งทํานาย ว่า เอกภพ กําลังขยาย ตัวหรือไม่ก็ กําลังหด ตัว ถ้าทฤษฎี ของ เขา ถูก ต้องเอกภพย่อม ไม่ สถิต คือ ไม่อยู่นิ่ง แต่ ไอน์สไตน์ เองกลับมั่น ใจว่า เอกภพ ต้องสถิต และทฤษฎี ของ เขาต่าง หากที่ผิด เขา จึงเติมค่าคงตัวเข้า ไป ในสมการของ เขาอีกหนึ่ง ค่า เพื่อ ให้ ได้ ผลว่า เอกภพ นั้นสถิตโดยไม่ ขัด แย้งกับทฤษฎี สัมพัทธ์ภาพในทศวรรษเดียวกัน นัก ดารา ศาสตร์ เวส โตลลิเฟอร์ และ คาร์ล วิล เฮล้ม เวิยร์ตซ์ สังเกตเห็น ว่า "เนบิวลาทรงก้น หอย" (spiral nebulae)ส่วนมากกําลัง ลอยห่างออกไปจาก โลก ปัจจุบันเรา ทราบ แล้ว ว่า เนบิ ว ลาทรงก้นหอ ย เหล่า นั้นความจริง คือ ดาราจักรอันไกลโพ้น และการเคลื่อน ที่ออกห่าง เป็นผลจากการขยาย ตัวของเอกภพ แต่ สลิเฟอร์ และ เวิยร์ตซ์ ไม่ทราบว่าเนบิว ลาทรงก้นหอยอยู่นอก ดาราจักรของ เราจึงไม่เข้า ใจภาพที่ พวก เขา เห็น ไต้นักดาราศาสตร์ ซาวเบลเยียมมี ความคิดบางอย่างเมื่อ ปี 1927 ฌอร์ ณ เลอแม็ทร์นักดารา ศาสตร์และนักฟิสิกส์ ชาวเบลเยียม เสนอ ว่า เอกภพกําลัง ขยาย ตัว เขาสังเกตว่า "เนบิวลาทรงก้นหอย"ของลลิเฟอร์ และเวิย ร์ตซ์ นั้น ไม่ ได้ทุ่งห่างจาก โลกด้วย ความ เร็วเดียวกันคือ ยิงอยู่ไกล ยิ่ง ไป เร็วแต่ วิธี สังเกตใน ยุคนั้น ยัง ไม1 ละเอียด พอจะพิสูจน์ ทฤษฎี ของ เขา และนักฟิสิกส์ หลาย คบรวมทั่งไอน์สไตน์ ต่างออกมาปฏิเสธฤษฎีตังกล่าว โดยหาว่ามัน เป็นเพียงแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งไม่ ยีนอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริงต่อมาอีกลอง ปี คือ ปี 1929 จึงมี นัก ดารา ศาสตร์กําลังอเมริกันชื่อ เอ็ด วิน ฮับเบิล ล่องกล้องพบลื่งทเลอแม็ทร์ ต้ องการ ผลสังเกต การณ์ ของ ฮับเบิลแส ดงว่า อัตรา เร็ว ที่ดาราจักร เคลื่อน ห่าง จาก โลกมี ค่า เป็นลัด ส่วนกับระยะทางระหว่าง ดาราจักรกับ โลก แปลว่ายิ่งห่างยิ่ง เคลื่อนหนื เร็ว ยิ่งขึ้นทันทืที่ฮั บเบิล ตี พิมพ์ ผลงานของ เขา ไอน์สไตนก็ เปลี่ยน ทฤษฎี สัมพัทธ์ภาพ ของ เขากลับสู่รูปเดิม แล้วบอกว่า ค่า คง ตัวที่เพิ่มขึ้นมาที หลังนั้นเป็นความผิดพ ลา ด ครั้ง ใหญ่ ในขีวิ ต ของ เขาขัอพิพาท ทางทฤษฎี ยาวนาน 35 มีการสังเกต การณ์ ของ ฮับเบิล เป็นจุด เริ่มของกรณิ พิพาท ที่ยาวนานถึง 35 ปี ระหว่างลองแนวทาง ตี ความ ผลสังเกต การณ์ เมื่อ ปี1931เลอแม็ทร์เสนอทฤษฎี ที่ บอกว่า เอกภพ เริ่ม ขึ้นจาก "การ ระเบิดของนิวเ คลืยร์ดีก ดํา บรรพ์"แล้ว ขยาย ตัว ต่อมาจนปัจจุบัน และว่าสสารทั่งหม ดใน เอกภพถูกสร้างขึ้นจากการระ เบิดครั้งนั้น นักจักรวาลวิทยาส่วน ใหญ่ ใน ยุคนั้นยังมั่น ใจว่า เอกภพอยู่นิ่ง ไม่มี สิ้นสุดและ คงที่เสมอ พวก เขา ไม่ยอมรับแบบจําลอง เอกภพ ของ เลอแม็ทร์ซึ่ง เวลาและอวกาศมี จุด เริ่ม ที่ ขัด เจน ทั่งยังกล่าวหาว่า เลอแม็ทร์กําลัง นํา ศาลนากับวิทยา ศาสตร์ มาปะปนกัน เพราะ เลอแม็ทร์เป็น ทั่งนัก ดารา ศาสตร์และบาทหลวงนิกายโรมัน คาทอลิกเฟ รด ฮอยล้นัก ดารา ศาสตร์ ชาวอังกฤษอยู่ฝ่ายต่อ ต้าน แบบจําลอง เอกภพ ของค่าคงตัว ของ ไอน์สไตน์ คืน ชีพการ ค้นพบรังสี พื้นหลัง ใน เอกภพ เมื่อปี 1964เป็นการปี ดฉากทฤษฎี เอกภพ คง ตัวอย่างถาวร(Steady state theory) ทุกวันนี้ งาน วิจัย เชิงจักรวาลวิทยา เกือบ ทุกขึ้นอาศัยทฤษฎี บิกแ บงเป็นแบบจําลอง พื้นฐานของการกําเนิด เอกภพแต่ก็มิ ไต้ หมาย ความว่านักจักรวาลวิทยาไขปริศนาของ เอกภพ ไต้ หมด แต่ ประการ ใดเมื่อ ปี 1998 ผลสังเกตการณ์ซูเปอร์ โนวาที่อยู่ห่างไกล ของนัก ดารา ศาสตร์ ชาวสหรัฐฯกลุ่มหนึ่ง ฃี๋โห้ เห็น ว่า เอกภพ ไม่เพียง กําลัง ขยายตัวแต่ ยัง ขยาย ตัว เร็วขึ้น เรื่อย ๆ ซึ่งทฤษฎี บิกแบงขณะนี้อธีบายไม่ ได้ด้วยซํ้า' ไม่สอด คล้องกับทฤษฎีสัมพัทธ์ภาพ ของ ไอน์สไตน์ ด้วย ความ เร่ง ของการขยาย ตัว คือปริศนา ใหญ่ ของ เอกภพ ในสมัยนี้น่าขันที่นักจักรวาลวิทยาลงลัยว่า ไอน์สไตน์อาจ ไม่ พลาด อย่างที่คิด เมื่อเขา เพิ่ม ค่าคง ตัวพิเศษเข้า ไปในสมการ แต่ ถึงอย่างไร ค่า คง ตัวที่อาจถูก ใส่กลับ เข้า ไปใหม่ ก็ ไม่ ใช่ค่าสำหรับเอกภพสถิต แต่สำหรับ เอกภพที่ ขยายออก ไปเร็ว ขึ้น เรื่อยๆ ต่างหาก

โทรศัพท์ ทำได้แบบที่เรา คาดไม่ถึง

โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือของคุณรู้ว่าเจ้าของอยู่ทีไหนร้านค้าที่คุณอุดหนุนบันทึก รายการจ่ายของคุณไว้ทุกรายการกระทั่งโทรทัศน์ ในห้องนั่งเล่นก็ยังแอบ ล้วงข้อมูลคุณไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่ของรัฐ บริษัทห้างร้านและ เหล่าแฮกเกอรต่างจับจ้องความเคลื่อนโหวของคุณทุกๆ ก้าว
ความ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทําให้การ ติดตามหาที่อยู่ ตลอดจนดักจับ ข้อมูล การสื่อสารในแต่ละวันของเรา ไปได้โดยง่ายทุกๆวันเราทิ้งรอยนิ้วมือ ดิจิทัลไว้และรอยนิ้วมือเหล่านิ้ ก็ถูกอ่านโดย หน่วยงานการข่าวเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ร้านค้าปลีก ฯลฯ ยกตัวอย่างง่ายๆเพียงคุณ สมัครบัตรสมาชิกร้านค้าและนําบัตรไปใช้ ทางบริษัทแม่ของร้าน ก็รู้ข้อมูล ละเอียดยิบว่า คุณข้อปที่ไหนและซื้ออะไรบ้าง การลอดล่องติดตามส่วน'ใหญ่เป็น'ไปเพื่อ ต่อสู้ กับการก่อการร้ายและองค์กรอาชญากรรม ตํารวจและหน่วยงานการข่าวทั่วโลกมีอํานาจ มากในการเก็บและวิเคราะห์ ข้อมูล
สหภาพ- ยุโรปรับรองกฎหมายซึ่งบังคับบริษัท ผู้ ให้บริการ โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตบันทึกข้อมูล การใช้ โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตฃอง ลูกค้า โดยตํารวจสามารถขอ ข้อมูล เหล่านั้นมาใช้ได้ปกติแล้ว การปฏิบัติงานของหน่วยงานการข่าวต้องทํางาน อย่างลับๆอยู่ แล้วแต่ในช่วงปีที่ผ่านมาปฏิบัติการของพวกเขาถูกนํามาเปีดเผยว่ากระทํากัน ตํารวจ อย่างแพร่หลายเพียงใดโดยส่วนใหญ่เป็น ผลงานการแฉของ เอ็ดเวิร์ดสโนว์เดน ผู้ เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชาวอเมริกัน ผู้นําหลายประเทศถูกดักพัง สโนว์เดนเคยเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรความ มั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (National Security Agency:NSA)แต่ถูกให้ออกหลังจากเขานําเอกสารลับเฉพาะของหน่วยงานมาเผยแพร่ เอกสารที่ ส'โนว์เดนนําออกมาให้หนังสือพิมพ์ เดอะการ์ 1 เดืยนของอังกฤษเผยแพร่ต่อนับตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม2556 เป็นด้นมานั้นชี้ชัดว่า เอ็นเอลเอทําการดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ ของ ผู้นํารัฐบาล 35 ประเทศทั่วโลกรวมทั้ง นายกรัฐมนตรี อังเกลาเมรเคิล แห่งเยอรมนี นอกจากนี้เอกสารอื่นที่มืการนํามาเปิดเผยยัง ระบุว่าเฉพาะ เดือนมืนาคม2013 เดือนเดียว เอ็นเอสเอบันทึก ข้อมูล จากทั่วโลกถึง97ล้าน ข้อมูล รวมทั้งข้อมูล การติดต่อทางโทรศัพท์ซึ่ง ส่วนใหญ่ มีต้นสายมาจากอิหร่านอัฟกานิสถาน และประเทศต้องสงสัยว่าจะเป็นที่มาของ ผู้ ก่อการร้ายแต่พลเมืองของประเทศ ใหญ่ๆ ในซีกโลกตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศลและเยอรมนีก็ถูกลอดส่อง และดักฟังโดยสายลับสัญชาติ อเมริกันเช่นเดียวกัน การลอดส่องติดตามส่วนใหญ่ กระทําผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็น เครื่องมือล้วง ข้อมูล ระดับเดียวกับใน ภาพยนตร์ JamesBond เลยทีเดียว สมาร์ตโฟน สมัยนี้มีเซนเซอร์ความไว สูง อยู่ เป็นจํานวนมากและเชื่อมต่อกับ คอมพิวเตอร์ สมรรถนะสูงที่สามารถติดต่อกับ โลกภายนอกผ่านเทคโนโลยีไร้สายหนังสือพิมพ์ ของเยอรมนีบอกว่า เอ็นเอสเอ ติดตั้ง ซอฟต์แวร์ล้วงความลับไว้ในสมาร์ตโฟนเพื่อส่ง ต่อ ลัญฺญาณเสียงจากไมโครโฟนในตัวเครื่อง รวมทั้งสัญญาณภาพจากกล้อง ข้อมูล พิกัดที่ตั้ง จากจีพิเอส อีเมลและข้อความตัวอักษรที่ส่ง และรับผ่านโทรศัพท์เครื่องนั้นอีกด้วย


บริษัทมือถือรู้ ว่าคุณอยู่ไหน 

บริษัทโทรศัพท์บางประเทศต้องเก็บ ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ไว้อย่างน้อย 1 ปี และตราบใดที่แบตเตอรี่โทรศัพท์ ของคุณไม่หมดบริษัทก็รู้ว่าคุณไป ที่ไหนมาบ้าง ตํารวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถ ขอข้อมูลจากบริษัทมือคือได้ หากจําเป็นต้องใช้ข้อมูลนบในการ ติดตาบตัว ผู้ต้องสงสัยตัวอย่างหนึ่ง คือการติดตามตัวคนขับแท็กซี่ซื่อ บาซาอาลีโมอาลิบกับเพอบซาว โซฺมาเลียในสหรัฐฯ อีก3คน ที่โอนเงิน8,500 ดอลฺล่าสหรัฐ ไปให้ องค์กรก่อการร้าย ซื่ออัล-ซาบาอับ ในประเทศบ้านเกิดหน่อยงานการ ข่าวของสหรัฐฯไต้ข้อมูลดังกล่าว จากการดักพิงโทรสัพที่โมอาลัน ถูกพิพากษาโทษ ตั้งแต่วันที่ 22 กุบภาพัน 2013 แด่ขณะนั้น คดี ยังไม่สิ้นสุด
การวัดระยะเวลาบอกใต้แม่นว่าคุณอยู่ทีไหน
 โดยปกติโทรศัพท์ 'มือถือในเขตเมืองจะติดต่อกับ เสฺาสัญญาณหลายเสา ในเวลาเดียวกันจึงเป็นการง่าย ที่จะ หาว่า ผู้ ใช้ อยู่ที่โหนตําแหน่งของ โทรศัพท์'แต่ละเครื่องหาได้ โดยไม่ต้องใช้จีพเอสดั้อยซํ้า เพียงบันทึก เวลาที่สัญญาณจากโทรศัพท์'ล่งไปถึงเสาสัญญาณ ก็พอแล้ว หากโทรศัพท์ ที่ติดต่อกับ เสาสัญญาณอย่างน้อย 3 เสา ความ แน่นอนของ ตําแหน่งจะตำกว่า 50 เมตรบริษัท มือคือจึงรู้เสมอ อ่านใช้โทรศัพท์' เครื่องนี้อยู่บน ถนนเส้นใด ระยะทางระทาง โทรศัพท์กับเสาสัญญาณ วัดได้ ด้วย การบันทึก เวลาที่โทรศัพท์ ส่ง สัญญาณที่ใดรับกลับใบ ยังเสาสัญญาณ CLAUSLUNAU

HUMAN EVOLUTION กำเนิดมนุษย์

HUMAN EVOLUTION

HUMAN EVOLUTION

HUMAN EVOLUTION



แจ็กเกอลีน จอห์นลันชาว อเมริกันไม่เคย คาดคิดว่าญาติฝ่ายชายทุกคน ในบ้านจะมีมรดกประจําตระกูล ซุกซ่อน อยู่ ในรหัลพันธุกรรม ครอบครัวของเธอเป็นชาว อเมริกันผิวดําที่ลืบเชื้อลาย มาจากทาส แอฟริกันในช่วง ศตวรรษที่19 แจ็กเกอลืนเป็น คนต้นคิดชักชวนคนอื่นในบ้าน มาลองลืบประวัติครอบครัวเล่นๆ โดยการตรวจวัดทางพันธุกรรม พวกเขาแค่อยาก รู้ ว่าจะ แกะรอยยีนของครอบครัวย้อน กลับไปได้ ไกลแค่ไหนแต่เมื่อ นักพันธุศาสตร์ศึกษายีน ของครอบครัว จอห์นลันการแกะรอยย้อนกลับ ไม่ได้หยุดอยู่ แค่ยุคค้าทาสในช่วงศตวรรษที่ 19 เท่านั้นนักวิจัยพบว่าโครโมโซมเพศชายของ บ้านนี้มีอายุมากกว่าโครโมโซมอื่นถึง 2 เท่า คือมีอายุเก่าแก่ยิ่งกว่า โฮโมเซเพียนต์ (ถือกําเนเมื่อราว 200,000 ปีที่แล้ว) ไมเคิลแฮมฒอร์ นักพันธุศาสตร์ที่วิเคราะห์โครโมโซมครอบครัว จอห์นลันกล่าวว่าการค้นพบนี้อาจ พิสูจน์ไต้ว่า บรรพบุรุษของเราลืบพันธุ์ ข้ามลายกับเผ่า พันธุ์ มนุษย์โบราณกว่าเราดังนั้นวิวัฒนาการความ เป็นมาของ ฮอโมเซเปี่ยน จึงอาจซับซ้อน กว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดไว้ โครโมโซมกับกรุประวัติศาสตร์ ประวัติความเป็นมาของมนุษย์ชาติ ถูกจัดไว้ใน สาร พันธุกรรมคือดีเอ็นเอในเซลล์เมื่อเรามีลูก ดีเอ็นเอจากพ่อแม่จะถูกสําเนา และส่งต่อไปยัง รุ่น ต่อไปโดยทั่วไปดีเอ็นเอถูกแบ่งเป็น กลุ่มๆ จํานวน 23 กลุ่ม ใส่ ไว้ในโครโมโซม 23 คู' แต่ละ คู่ จะเป็นโครโมโซมที่ได้มาจากพ่อแท่งหนึ่ง และโครโมโซมที่ได้มาจากแม่ อีกแท่งหนึ่งเมื่อ รุ่นลูกตั้งท้องเป็นรุ่นหลานโครโมโซมก็แยก คู่ ไปปะปนกับโครโมโซมจากแฟนดังนั้นภายใน ไม่กี่ชั่วคนสาร พันธุกรรมของเราก็ผสมปนเปกัน หลายแบบจนนับไม่ ถ้วนโดยมีต้นแบบทั้งหมด มาจากบรรพบุรุษเราทั้งจากฝังพ่อและแม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ชาย กลับมีโครโมโซม อยู่ แท่ง หนึ่งที่ไม่เคยส่งต่อผ่านฝ่ายหญิงเลยนั่นคือ โครโมโซม Y หรือโครโมโซมเพศชาย โครโมโซมเพศชายถูกถ่ายทอดจากพ่อ ลู่ลูกชายตามกฎพันธุกรรมอย่างเคร่งครัด นักวิทยาศาลตร์จึงติดตามโครโมโซมนี้จาก รุ่น หนึ่งสู่ อีก รุ่น หนึ่งได้แต่ก็ใช่ว่าโครโมโซม Y จะถูกถ่ายทอดโดยไม'เปลี่ยนไปเลยแม้ว่า เซลล์สืบพันธุจะดัดลอกหรือจําลองดีเอ็นเอ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพียงใดการกลายพันธุ ก็เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งการกลายพันธุเหล่านี้ ไม่มีผลทางชีวภาพแต่ลําหรับ นักพันธุศาลตร์การกลาย พันธุนั้น สําคัญมากเนื่องจากลูกหลานแต่ละ รุ่น จะมีการกลาย พันธุเป็นลัญลักษณ์ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว การกลาย พันธุจึงเป็นเครื่องหมาย (markers)บอกความใกล้ชิดของเครือ ญาติซึ่งลามารถแปรผลได้ออกมาเป็น แผนผังเครือญาติ(familytree)หาก โครโมโซมYจากชาย2คนแตกต่าง กันมากๆแต่กลับมีเครื่องหมาย ตรงกันก็แปลว่าชายทั้งลองมี บรรพบุรุษร่วมกันเมื่อกาลก่อน เมื่อนักวิทยาศาลตร์เปรืยบเทียบ เครื่องหมายใน กลุ่ม ประชากรทั่ว โลกเราจึงศึกษาประวัติศาลตร์ และความเป็นเครือญาติของชาติพันธุ ต่างๆได้เช่นนักวิทยาศาสตร์บอกได้ว่า มนุษย์ เราอพยพออกจากทวีปแอฟริกา เป็นระลอกและตั้งถิ่นฐานตามทวืปอื่น ในช่วง60,000-80,000ปีก่อน อดัม เก่าแก่เกินคาด นักวิทยาศาสตร์ รู้ ว่า ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ได้รับ มรดกตกทอดเป็นโครโมโซม Y มาจากบรรพบุรุษ คนเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อเล่นให้ คุณปูทวดเทียดต้นตระกูลคนนี้ว่า"อดัมทาง พันธุกรรม"อดัมคนนี้ไม่ใช่ มนุษย์ คนแรกและ ไม่ใช่ มนุษย์ ชายคนเดียวบนโลกในช่วงที่เขา มีชีวิตอยู่ แต่เป็นชายโบราณเพียง ผู้ เดียวที่ โครโมโซมYของเขายังหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน อาจเป็นเพราะโครโมโซมYจาก มนุษย์ เพศชาย คนอื่นๆต่างก็สุดสายไม่มีคนลืบทอดเช่น มีแต่ลูกสาวหรือไม่มีลูกเลยเดิมพีนัก'วิทยา- ศาสตร์เคยประมาณการว่า อดัมมี ชีวิตอยู่ ใน แอฟริกาในช่วง 100,000-120,000 ปี ก่อน แต่นั่นเป็น อายุที่คาดกันไว้ก่อนจะตรวจเจอ โครโมโซมจอห์นสันโครโมโซม Y ของ จอห์นสัน บ่งชี้ว่าชายที่เป็นบรรพบุรุษร่วม (common ancestor) นั่นมีอายุเก่าแก่กว่าที่เคยคาดไว้ถึง 2 เท่าและมีชีวิตอยู่ ในช่วง209,000-338,000 ปีก่อนแต่ปัญหาก็คือฟอสซิลกระดูก โฮโมเชเพียน ที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุเพียง 195,000ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าเป็น จุดเริ่มต้น สปีชีส์ ของเราพอดี ปริศนานี้ทําให้ไมเคิลแฮมเมอร์สันนิษฐาน ว่าโครโมโซมYบ้านจอห์นสันน่าจะลืบทอด มาจากเผ่า พันธุมนุษย์อีกชนิดหนึ่งที่เก่าแก่กว่า โฮโมเซเพียชน์ อย่างเราๆดังนั่นบรรพบุรุษ ของเราคงเคยผสมข้ามพันธุกับ"มนุษย์ ถา" ซึ่งเป็นเจ้าของโครโมโซมYนั่นถ้าโครโมโซม- จอห์นสันมีอายุมากอย่างที่ไมเคิลแฮมเมอร์ คํานวณไว้จริงเจ้าของโครโมโซมอาจเป็น โฮโมไฮเดลเบอร'เกนซิลหรือโฮโมอีเร็กตัส หรือลปีชีล์อื่นที่ยังไม'พบฟอลซิลก็เป็นได้ มนุษย์ กํ้าปริศนา ยังไม่มีใคร รู้ ระยะเวลาแน่นอนที่โครโมโซม- จอห์นสันผนวกเข้ากับบรรพบุรุษเราแฮมเมอร์ กล่าวว่าการผสมข้ามเผ่า พันธุอาจเกิดขึ้นทาง ตะวันตกของประเทศแคเมอรูนในทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นบริเวณที่แฮมเมอร์ตรวจพบโครโมโซมที่ ใกล้เคียงกับโครโมโซมจอห์นสันที่สุดโดยพบใน ชนเผ่าเล็กๆเรืยกว่าฮึมโบ(Mbo)แฮมเมอร์ พบเผ่าฮึมโบอาศัย อยู่ ห่างจากเขตอีโวเอ เลรู (เพoEleru)ในไนจีเรืยเพียง800กิโลเมตร และที่ไนจีเรืยนึ่เองคริสสตริงเจอร์นักมานุษย-วิทยาชาวอังกฤษจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์-ธรรมชาติ(Natural HistoryMuseum)ใน ลอนดอนพบโครงกระดูกมนุษย์อายุ13,000ปี ซึ่งสตริงเจอร์ปักใจเชื่อว่ามีลักษณะภายนอก เหมือนสปีชีล์ที่มี อายุเก่าแก่กว่า13,000ปีมาก ลักษณะกะโหลกที่แบนและกว้างของโครง-กระดู กที่ลตริงเจอร์ศึกษานั่นเหมือนกับกะโหลก ที่มีอายุกว่า100,000ปีสต'ริงเ'จอร์'จึงเห็น'ว่า การค้นพบนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าโฮมีนิดส์ (มนุษย์ดึกดําบรรพ์ที่ลูญพันธุไปแล้ว)ผสมข้าม พันธุกับ มนุษย์ ลปีชีล์อื่นซึ่งวิวัฒนาการมาทีหลัง ในปี2011ไมเคิลแฮมเมอร์พบร่องรอย เก่าแก่ของมนุษย์ดึกดําบรรพ์ในยืนของ ขายชาวแอฟริกัน3คน ส่วนปี2013โครงการจีโนม มนุษย์ ที่นําโดยนักวิทยาศาสตร์ ขาวเยอรมันพบว่าเผ่า พันธุ มนุษย์โบราณเดนิโซวาจากเอเชีย ผสมข้ามลายพันธุกับลปีชีล์ โบราณชนิดหนึ่งส่วนจะเป็น ชนิดใดนั่นยังชี้ชัดไม่ได้นั่งนี้ มนุษย์ เดนิโซวา อยู่ ร่วมสมัยกับ มนุษย์ นิเเอนเดอธัลและโฮโม-เซเพียนส์และอาจมีชนิดอื่นอีก นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐาน ว่าสปีชีส์ปริศนาในนั่ง3กรณีอาจ จะมีความเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษ ของเราอย่างโฮโมไฮเดลเบอร'เกนซิส ไม่อาจv/uรง แต่ใช่ว่าทุกคนเห็นด้วยกับแฮมฒอร์ คริลไทเลอร์-สมีธ ผู้ เชี่ยวชาญด้าน โครโมโซมYจากมหาวิทยาสัยเคม-บริดจ์ประเทศอังกฤษเห็นว่าการผสม ข้ามพันธุกับมนุษย์ถํ้าเป็นเพียงสมมติ-ฐานหนึ่งเท่านั่นยังมีสมมติฐานหรือ สถานการณ์อีกหลายอย่างที่อธิบาย อายุของโครโมโซมจอห์นสันได้เช่นกัน ไทเลอร์-ลมีธคิดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็น ความบังเอีญหรือความไม1แน่นอนใน กระบวนการหาอายุโครโมโซมซึ่งมี ความคลาดเคลื่อน อยู่ ในตัวเองอย่างไรก็ตาม ไทเลอร์-สมีธเน้นว่าโครโมโซมYที่มีอายุมาก เช่นนี้จะเป็นแหล่ง ข้อมูล ที่มีประโยชน์มหาศาล ในการศึกษาอดีตของมนุษยชาติโครโมโซม-ดึกดําบรรพ์นี้อาจช่วยนักวิทยาศาสตร์ฟันธงได้ เลียทีว่าต้นกําเนิดเผ่า พันธุมนุษย์ อพยพย้ายถิ่น ครั้งใหญ่ออกจากทวีปแอฟริกาเมื่อใด แฮมเมอร์เองก็ยอมรับว่าสมมติฐานอื่นยัง มีความเป็นไปได้แต่ถ้า มนุษย์ถํ้าฝากโครโมโซม ไว้กับมนุษย์ปัจจุบันโดยการผสมข้ามพันธุจริง นี่จะเป็นการค้นพบโครโมโซมดึกดําบรรพ์ใน เฮ'โมเซเพึยนสํเป็นครั้งแรกไม่ว่าความจริงจะ คลี่คลายออกมาอย่างไรแน่นอนว่าแผนภูมิ-เครือญาติของเผ่า พันธุเรามันจะออกมา ยุ่ง เหยิง กว่าที่เราเคยคาดไว้หลายเท่าตัว